วิธีเลือกซื้อผักสด-ผลไม้ | เลือกอย่างไรให้สดสะอาดปลอดภัยในการนำไปประกอบอาหาร

วิธีการเลือกซื้อผักสดผลไม้ให้สะอาดปลอดภัยได้คุณภาพ

ผักสดและผลไม้

ผักสดและผลไม้ เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของคนเรา โดยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายดีขึ้น อย่างไรก็ตามผักสดและผลไม้ที่จะนำมาประกอบอาหารหรือรับประทาน ก็อาจก่อให้เกิดโทษได้ ถ้าหากผักสดและผลไม้นั้นมีการปนเปื้อนเชื้อโรค พยาธิ และ สารเคมีอันตราย แม้ในปัจจุบันจะมีการส่งเสริมให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมีลงหรือส่งเสริมให้มีการผลิตผักสด ผลไม้ปลอดสารพิษก็ตาม ก็ไม่ทำให้มั่นใจได้ เนื่องจากยังมีการนำสารเคมีอื่นๆ มาแช่ให้ผักสดขาวกรอบ น่ารับประทาน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเราควรรู้ถึงอันตรายและ วิธีการเลือกซื้อและวิธีการล้างผักสดและผลไม้ ว่าควรทำอย่างไร มีวิธีและขั้นตอนอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ผักและผลไม้ที่มีคุณภาพและยังสามารถลดพิษภัยจากสารเคมีต่างๆ

อันตราย 3 ประการที่ต้องระวังในการเลือกซื้อผักสดและผลไม้

อันตราย 3 ประการที่ต้องระวังในการเลือกซื้อผักสดและผลไม้
1. อันตรายจากเชื้อโรคและพบาธิ
เนื่องจากขบวนการปลูกบางแห่งอาจใช้อุจาระคน หรือ สัตว์มาใช้เป็นปุ๋ย ซึ่งอาจทำให้มีการปนเปื้อนของไข่พยาธิ ตัวอ่อนพยาธิ เชื้อโรคระบบทางเดินอาหารชนิดต่างๆ โดยทั่วไปผักที่พบพยาธิ หรือตัวอ่อนพยาธิ คือ ผักที่ใบไม่เรียบและกลีบใบซ้อนกันมากๆ เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี สะระแหน่เป็นต้น
หากบริโภคผักสดและผลไม้ที่ไม่ผ่านการล้างทำความสะอาดจะทำให้เกิดโรคอุจาระร่วงอย่างแรงโรคบิด ไทฟอยด์และพยาธิต่างๆ ได้
2. อันตรายจากสารพิษตกค้าง
ปัจจุบันมีการใช้สารเคมีทางเกษตรเพื่อป้องกันและกำจัดศัตรูพืชกันอย่างแพร่หลาย และ มีมากมายหลายชนิด แม้ว่าจะมีหน่วยงานควบคุมดูแลการนำไปใช้ก็ตาม แต่ก็ยังมีเกษตรกรที่ขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยมีการใช้มากเกินปริมาณที่กำหนด หรือใช้ร่วมกันหลายชนิด มีการเก็บผลผลิตก่อนระยะเวลาที่สารเคมีจะสลายตัวหมด ทำให้มีสารเคมีตกค้างอยู่ในผักสด โดยเฉพาะผักที่นิยมบริโภคกันทั่วไป เช่น ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว ที่มักตรวจพบสารเคมีตกค้างอยู่เสมอรวมทั้งอาจมีสารพิษที่ตกค้างอยู่ในดินและน้ำที่เป็นแหล่งเพาะปลูกอีกด้วย ซึ่งสารเคมีที่ได้รับบางชนิดจะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เซลล์ประสาททำงานผิดปกติ มีการชาตามใบหน้า ลิ้น ริมฝีปาก และ อาจชักได้ สารเคมีบางชนิดอาจทำลายเอนไซม์ของระบบประสาท ถ้าได้รับปริมาณมาก จะปวดศรีษะอ่อนเพลีย คลื่นไส้ สั่นกระตุก เป็นต้น
3. อันตรายจากการใช้สารเคมีเติมแต่งผักและผลไม้
เกิดจากการใช้สารเคมีที่ไม่ได้อนุญาตให้ปนเปื้อนในอาหารมาใช้เพื่อทำให้ผัก ผลไม้ ดูสด หรือ มีสีสันขาวสะอาดน่ารับประทาน ทั้งนี้เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด พยายามที่จะทำให้ผักสดคงสภาพสดอยู่เสมอ ไม่เหี่ยวหรือเน่าเสีย โดยมีการนำสารเคมีประเภท ฟอร์มาลิน หรือ บอแรกซ์ผสมน้ำแล้วนำมาราด หรือ แช่ ผักสด รวมทั้งการใช้สารฟอกขาวที่ห้ามใช้ (โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ หรือ โซเดียมไทโอไนต์) มาแช่ผักสด ประเภทข้าวโพดอ่อน ขิงหั่นฝอย หน่อไม้สดหั่นฝอย เพื่อให้มีสีขาวน่ารับประทาน ซึ่งหากล้างไม่สะอาดเหลือตกค้างในผักสดจะทำให้ผู้บริโภคเกิดอันตรายได้ และการใช้สารฟอกขาวดังกล่าวกับอาหารมีความผิดตามกฏหมาย

6 วิธีการเลือกซื้อผักสดให้สะอาดปลอดภัย

6 วิธีการเลือกซื้อผักสดให้สะอาดปลอดภัยในการบริโภคและทำอาหาร

1. เลือกผักสดที่สะอาด

การเลือกซื้อควรเลือกผักสดที่ไม่มีคราบดินหรือคาบของสารพิษกำจัดศัตรูพืชหรือเชื้อราตามใบ ซอกใบ หรือ ก้านผัก ไม่มีสีขาวหรือกลิ่นฉุนผดปกติ

2. เลือกซื้อผักสดที่มีรูพรุนเป็นรอยกัแทะ

ควรเลือกซื้อผักสดที่มีรูพรุนเป็นรอยกัดแทะของหนอนแมลงอยู่บ้างเพราะหนอนกัดเจาะผักได้ แสดงว่ามีสารพิษกำจัดศัตรูพืชในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายมาก ไม่ควรเลือกซื้อผักที่มีใบสวยงาม

3. เลือกซื้อผักสดอนามัยหรือผักางมุ้ง

ควรเลือกซื้อผักอนามัยตามโครงการพิเศษของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือ แหล่งปลูกที่เชื่อถือได้อื่นๆ และสับเปลี่ยนแหล่งซื้ออยู่เสมอ

4. เลือกกินผักตามฤดูกาล

ควรเลือกซื้อผักตามฤดูกาลเนื่องจากผักที่ปลูกได้ตามฤดูกาลจะมีโอกาศเจริญเติบโตได้ดีกว่านอกฤดูกาล ทำให้ลดการใช้สารเคมี และปุ๋ยลง

5. เลิอกกินผักพื้นบ้าน

ควรเลือกกินผักพื้นบ้าน เช่น ผักแว่น ผักหวาน ผักติ้ว ผักกระโดน ใบย่านาง ใบเหลียง ใบยอ ผักกระถิน ยอดแค หรือผักที่สามารถปลูกได้เองง่ายๆ

6. ไม่กินผักชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นประจำ

ควรกินให้หลากหลายชนิดสับเปลี่ยนกัน เพื่อได้รับประโยชน์ทางด้านโภชนาการ และหลีกเลี่ยงการรับสารพิษสะสม

6 วิธีการเลือกซื้อผลไม้ให้ได้คุณภาพและปลอดภัย

6 วิธีการเลือกซื้อผลไม้ให้ได้คุณภาพและปลอดภัยในการบริโภคและประกอบอาหาร

1. สังเกตก้านและขั้วผลของผลไม้

ก้านและขั้วของผลไม้เป็นตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่และความสุดดิบของผลไม้ ผลไม้สดพร้อมทานและมีรสชาติอร่อยมักจะมีก้านสีเขียวและขั้วยังไม่หลุดออกจากผลไม้ ในทางตรงกันข้าม ผลไม้ที่มีก้านสีน้ำตาลหรือแห้งเหี่ยวมักจะมีรสชาติเจือจากไม่อร่อย เนื่องจากเป็นผลไม้เก่า
• หากคุณพบผลไม้มีก้านสีเขียวแปลว่า ผลไม้นั้นสุกแล้วพร้อมรับประทาน
• หากคุณพบผลไม้มีก้านสีเขียวแต่ลูกผลไม้นั้นแข็งแสดงว่าถูกเก็บก่อนสุก
• หากคุณพบผลไม้มีก้านแห้งเหี่ยวแปลว่าผลไม้ลูกนั้นเก่าแล้ว ถูกเก็บมานานแล้ว รสชาติอาจจะเจือจาง
• หากคุณไม่พบผลไม้มีก้าน ก้านถูกตัดทิ้ง ผลไม้สุกมากจนก้านหลุดออกไปแล้ว ก็ตรวจสอบการเลือกซื้อผลไม้วิธีอื่นๆ

2. ดูสีของผลไม้แต่ละชนิด

ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล ผลไม้นำเข้า หรือ ผลไม้ในเมืองไทย ให้สังเกตสีของผลไม้แต่ละชนิดให้ดีก่อนซื้อทุกครั้ง เนื่องจากสีของผลไม้จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่ รวมไปถึงความสุดดิบของผลไม้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นสังเกตดูสี่ของผลไม้ตามฤดูกาลได้ง่ายๆ เพียงศึกษาลักษณะ ลวดลาย รวมถึงสีที่ควรจะเป็นในแต่ละช่วงเวลาของผลไม้แต่ละชนิด จากนั้นจึงลองเทียบสีผลไม้ที่เจอตามห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านขายผลไม้ เพื่อเป็นแนวทางเลือกผลไม้

3. สังเกตผิวของผลไม้

การที่ผลไม้จะมาเป็นผลไม้ที่ให้ได้เลือกซื้อกันตามร้านค้า แน่นอนว่าผลไม้แต่ละลูกย่อมผ่านการดูแล เก็บเกี่ยว และขนส่งหลากหลายรอบจนกว่าจะมาถึงผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะสังเกตที่ก้านและสีของผลไม้แล้ว อย่าลืมสังเกตลักษณะของผิวของผลไม้ตามฤดูกาลก่อนการตัดสินใจซื้อด้วย
โดยส่วนใหญ่แล้ว ผลไม้ที่มีคุณภาพและผ่านการดูแลรักษามาอย่างดี จะมีผิวที่เงางาม ไม่มีรอยช้ำ รอยเล็ก และ คลาดดิน ทั้งยังครรปราศจากรอยโดน เจาะ แทะ ของศัตรูพืช นอกจากนี้ ผลไม้ที่พร้อมรับประทานและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพต้องไม่มีรอยของเชื้อราตามขั้ว หรือ จุดดำขนๆ ตามพื้นผิวของผลไม้ด้วย
• หากลูกผลไม้มีผิวสวยตามคุณลักษณะของตัวมันเอง แสดงให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่ของผู้ผลิตถึงผู้จัดจำหน่าย ผลไม้ลูกนั้นๆน่าซื้อ
• หากลูกผลไม้มีผิวช้ำ จุด แต้ม รอยเล็บ หรือ นิ่มเกินไป อาจแสดงให้เห็นถึงการละเลยหรือการกระแทกซึ่งจะส่งผลกระทบถึงเนื้อข้างในให้เสียหายได้
• หากลูกผลไม้มีเชื้อราเกาะ อาจแปลว่า ผลไม้ลูกนั้นถูกจัดจำหน่ายมานานแล้ว (เก่า) ซึ่งกรณีที่เจอควรสังเกตลูกข้างๆเช่นกันเพราะ เชื่อมักแพร่กระจายสู่ลูกอื่นด้วยเช่นกัน

4. เลือกซื้อผลไม้ที่มีน้ำหนักและเนื้อแน่น

หลังจากที่ตรวจสอบลักษณะภายนอกของผลไม้แล้ว ต้องมาดูที่น้ำหนักและความแน่นของผลไม้ ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงรสชาติและคุณภาพของผลไม้แต่ละชนิด
การตรวจสอบน้ำหนักและลักษณะเนื้อของผลไม้ตามฤดูกาลสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการทดลองหยิบผลไม้ 2 ลูกมาเทียบกัน โดยทั่วไปหากหยิบผลไม้ลูกไหนขึ้นมาแล้วรู้สึกว่าหนักๆ หรือ รู่สึกแน่น ก็แปลว่าผลไม้ลูกนั้นมีเนื้อที่แน่นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกว่าผลไม้ที่หยิบขึ้นมาเทียบกันมีน้ำหนักที่เท่ากัน รู้สึกไม่มั่นใจในน้ำหนัก ขอแนะนำให้ลองนำผลไม้สัก 3-4 ลูกมาชั่งน้ำหนักเบื้องต้น จากนั้นจึงเลือกฝึกกับน้ำหนักจากผลไม้ลูกที่หนักที่สุด เท่านั้นก็มีโอกาศศูงที่จะได้พบกับผลไม้เนื้อแน่น
• ผลไม้ที่น้ำหนักหนักกว่าขนาดของมันแสดงให้เห็นถึงความแน่นของเนื้อของผลไม้
• ผลไม้ที่มีน้ำหนักเข้ากับขนาดแสดงให้เห็นถึงความสมส่วนของเนื้อของตัวผลไม้
• ผลไม้ที่น้ำหนักเบากว่าขนาดแสดงให้เห็นถึงความขาดแคลนของเนื้อผลไม้

5. ทดลองดมกลิ่นผลไม้

กลิ่นของผลไม้บอกคุณได้เยอะเลยทีเดียว รสชาติหวาน-หวานจางๆ สุก-ดิบ เน่า-ไม่เน่า  การดมกลิ่นเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทราบถึงคุณภาพและความสดใหม่ของผลไม้ก่อนการตัดสินใจซื้อ โดยการสังเกตกลิ่นของผลไม้โดยทำง่ายๆ ด้วยการหยิบผลไม้สัก 1-2 ลูก จากนั้นทดลองดมกลิ่นผลไม้ ผลไม้ที่สุกอาจจะมีกลิ่นหอมกว่าเพื่อน ผลไม้ที่ใกล้เน่าอาจจะส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมา
โดยทั่วไปแล้ว ผลไม้ที่มีคุณภาพและพร้อมรับประทานจะมีกลิ่นหอมตามชนิดของผลไม้นั้นๆ แต่ในทางตรงกันข้าม หากผลไม้ที่หยิบไม่มีกลิ่น หรือ มีกลิ่นที่รู้สึกแปลกๆ ก็มีความเป็นไปได้ว่าผลไม้ลูกนั้นจะไม่มีคุณภาพ หรือ หากโชคร้ายอาจเป็นผลไม้ที่เน่าก็เป็นได้
การดมกลิ่นผลไม้ควรให้ถูกสุขลักษณะ โดยปกติ การดมผลไม้เพียง 1-2 ลูกก็สามารถทราบได้ถึงคุณภาพของผลไม้ทั้งหมดที่นำมาวางขายแล้ว ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ควรหยิบผลไม้ขึ้นมาดมทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อรักษาความสะอาดให้กับผู้ซื้อท่านอื่นๆ รวมถึงเป็นการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคที่ผิวของผลไม้เข้ามาสู่ร่างกายของเราด้วย

6. ฤดูกาลของผลไม้

การเลือกซื้อผลไม้ในช่วงฤดูกาลโดยเฉพาะต้นฤดูกาลนั้นสามารถช่วยให้ได้รับผลไม้ที่ดี มีคุณภาพ และได้รสชาติที่ดีที่สุดของผลไม้ชนิดนั้นๆ เพราะว่าช่วงต้นฤดูกาลของผลไม้ อุณหภูมิ ความชื้น และ ปริมาณแสง จะอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมกับผลไม้แต่ละชนิด ในทางกลับกัน การเลือกซื้อผลไม้นอกฤดูกาลส่งสัญญาณบอกถึง การเก็บผลไม้ก่อนสุก และ การเก็บผลไม้อยู่ในตู้เย็นที่กินเวลายาวนาน ซึงทั้งสองอย่างนี้ทำให้คุณภาพของผลไม้ลดลงและรสชาติเปลี่ยนแปลงไป
วิธีการล้างผักสดและผลไม้
ผักสดและผลไม้ที่ซื้อมาบริโภคหากไม่แน่ใจว่าปลอดภัยจากสารเคมี หรือ สิ่งปนเปื้อนอื่นๆ หรือไม่ การล้างผักสดและผลไม้ที่ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพจะช่วยลดปริมาณการปนเปื้อนลงได้
วิธีการล้างผักสดและผลไม้ให้สะอาดปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง
1. ปอกเปลือกหรือลอกเปลือก
ปอกเหลือกหรือลอกเปลือกชั้นนอกของผักสด หรือ ผลไม้ออกทิ้ง ผักสดแกะเป็นกลีบๆหรือแกะใบออกจากต้นแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
2. ล้างผักสดด้วยน้ำสะอาด
ล้างผักสดด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง และคลี่ใบถู หรือล้างด้วยการใช้น้ำก๊อกไหลผ่านผักสดนานอย่างน้อย 2 นาที หรือใช้สารละลายอื่นๆในการล้าง
- ใช้น้ำเกลือ โดยใช้น้ำเกลือ 2 ช้อนโต๊ะพูนต่อน้ำ 4 ลิตร
- ใช้น้ำปูธนคลอรีน ความเข้มข้น 50 พีพีเอ็ม โดยผสมผงปูนคลอรีน 1/2 ช้อนชา ในน้ำ 1 แก้ว คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน รินเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำใสผสมน้ำสะอาด 20 ลิตร
- ใช้น้ำส้มสายชู โดย น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยต่อน้ำ 4 ลิตร
- ใช้น้ำโซดา โดย โซเดียมไบ-คาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร
- ใช้น้ำยาล้างผัก โดยทำตามวิธีที่ผุ้ผลิตแนะนำ
แล้วจึงนำผักสดมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ก็สามารถลดหรือขจัดสารพิษต่างๆ ในผักสดออกได้ผู้บริโภคก็จะปลอดภัย
3. ผักที่มีลักษณะเป็นหัว ผล หรือ ผลไม้ที่กินทั้งเปลือก เช่น องุ่น มีวิธีล้างดังนี้
-ล้างด้วยน้ำผสมด่างทับทิม ประมาณ 10-20 เกล็ด + น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ + หยดสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 20 หยด แช่นาน 5 นาที โดยใช้มือถูตามผิวของผล แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีก 1-2 ครั้ง
- การล้างด้วยน้ำสะอาดและลอกเปลือกออก
วิธีการล้างต่างๆ เหล่านี้มีประสิทธิภาพในการลดสารเคมีกลุ่มที่ไม่ดูดซึม ได้แก่ เมทธิลพาราไธออน มาลาไธออน ได้ตั้งแต่ 6% - 92% อาจใช้ปแปรงขนอ่อนถูตามผิว ซอกของผักหรือผลไม้ จะช่วยทำความสะอาดได้มากขึ้น จะเลือกใช้วิธีใดก็ได้ตามความสะดวกและเหมาะสม
" วิธีที่ง่ายๆ สะดวก ประหยัดเวลาและเป็นวิธีแนะนำในการล้างผักสดและผลไม้" ได้แก่ วิธีลอกเปลือกทิ้ง แช่น้ำ 10-15 นาที และล้างด้วยน้ำไหลผ่าน 2 นาที เพราะจากการศึกษาของกรมวิชาการเกษตร การลอกเปลือกทิ้งสามารถลดสารเคมีเกาะติดตามผิวผักผลไม้ได้มากที่สุดถึง 92% แต่อาจเปลืองน้ำและสูญเสียคุณค่าทางอาหารไปบ้าง
CONTACT
169/47 ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ต.กระทุ่มล้ม  อ.สามพราน จ.นครปฐม 73220
086-070-0007
ananindustry@gmail.com
https://www.ananindustry.com
WORKING DAYS/HOURS
วันจันทร์ - วันเสาร์
8.00 - 17.00 น.
Copyright © 2008 Anan Industry Company Limited. All Rights Reserved